1.รู้ทำเลที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ แนะนำให้ลองเดินสำรวจบริเวณละแวกบ้านเช่าก่อน ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน ว่าสิ่งแวดล้อมบริเวณโดยรอบเป็นอย่างไร ปลอดภัยไหม มีเสียงดังรบกวนหรือไม่ รวมถึงทำเลบ้านมือ2 นั้น ตอบโจทย์ความสะดวกในการเดินทางหรือไม่ มีระบบขนส่งสาธารณะ ใกล้แหล่งที่ทำงาน โรงเรียน ห้าง หรือสถานที่สำคัญมากน้อยเพียงใด

2.รู้สภาพบ้านให้ละเอียด เมื่อพบบ้านเช่าที่สนใจแล้วควรนัดหมายเพื่อเข้าไปสำรวจตรวจสอบบ้านให้ละเอียดทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายในบ้านเช่า เพื่อดูร่องรอยการใช้งาน ความเสียหาย หรือการชำรุดต่าง ๆ ซึ่งแนะนำให้ถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนเข้าอยู่

• ตรวจสอบโครงสร้างและความแข็งแรงบ้าน สังเกตร่องรอยการแตกร้าวของพื้น ผนัง หลังคา คราบน้ำรั่วซึมบนฝ้าเพดาน หรือปัญหาปลวก
• ตรวจสอบระบบไฟและระบบน้ำ ทดลองเปิดปิดน้ำ ไฟ ทุกที่ ปลั๊กไฟทุกจุด ดูการระบายน้ำในห้องน้ำและห้องครัว ว่าไม่มีปัญหาหรือไม่
• ตรวจสอบประตู หน้าต่าง ลองเปิดปิด ตรวจสอบดูว่ากลอนและลูกบิดสามารถใช้งานได้ดีหรือไม่ มีช่องโหว่ที่อาจทำให้แมลงหรือลมเข้ามาได้หรือไม่
• ตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า กรณีถ้าเช่าบ้านมือ2 ที่เขามีของพวกนี้มาให้ด้วย เช่น เช็กสภาพเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น หากมีตำหนิหรือความเสียหายให้ตกลงกับผู้ให้เช่าให้ชัดเจนว่าจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมส่วนนั้น ๆ

3.รู้ข้อมูลจากผู้ให้เช่าและเพื่อนบ้าน นอกจากการเข้าไปสำรวจบริเวณละแวกบ้านเช่าแล้ว การสอบถามข้อมูลจากเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น ถึงสภาพแวดล้อมโดยรวม รวมถึงพูดคุยกับผู้ให้เช่าก็จะเป็นประโยชน์ช่วยให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวบ้านและประวัติการอยู่อาศัยก่อนหน้า ปัญหาที่อาจเคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น ปัญหาน้ำท่วม ไฟดับบ่อย หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจไม่มีระบุไว้ในประกาศให้เช่า

4.รู้ประวัติของผู้ให้เช่า หากเป็นไปได้ การตรวจสอบประวัติของผู้ให้เช่าถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ เช่น บ้านนี้ปล่อยเช่าโดยเจ้าของโดยตรงหรือเป็นผู้เช่าต่อ สอบถามจากคนรู้จักที่เคยเช่าบ้านกับผู้ให้เช่ารายนี้ หรือค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เพื่อดูว่ามีประวัติที่ไม่ดีหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต อย่างการถูกเอาเปรียบ

5.รู้และทำความเข้าใจสัญญาเช่า สัญญาเช่าถือเป็นเอกสารสำคัญที่สุดในการเช่าบ้าน ควรอ่านรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนลงนาม ควรตรวจสอบรายละเอียด ดังนี้

• ระยะเวลาการเช่า มีการกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของสัญญาอย่างชัดเจน
• อัตราค่าเช่าและกำหนดการชำระเงิน มีการระบุจำนวนเงินค่าเช่าต่อเดือน วันที่ครบกำหนดชำระ และช่องทางการชำระเงิน
• เงินประกันความเสียหาย (เงินมัดจำ) ตรวจสอบจำนวนเงินประกัน เงื่อนไขการคืนเงินประกันเมื่อสิ้นสุดสัญญา และกรณีที่ผู้ให้เช่าสามารถหักเงินประกันได้
• ความรับผิดชอบในการซ่อมแซม ระบุชัดเจนว่าการซ่อมแซมส่วนใดเป็นความรับผิดชอบของผู้เช่า และส่วนใดเป็นของผู้ให้เช่า
• ข้อห้ามและข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น การต่อเติมหรือดัดแปลงบ้าน และการเลี้ยงสัตว์
• เงื่อนไขการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด กรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการยกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด จะมีเงื่อนไขและค่าปรับอย่างไร
• หากมีข้อตกลงพิเศษ ควรเขียนไว้ในสัญญาหรือแนบท้ายชัดเจน และหากสงสัยหรือไม่เข้าใจส่วนใดในสัญญา ควรถามผู้ให้เช่าหรือปรึกษาผู้มีความรู้ด้านกฎหมายก่อนลงนาม

การเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเช่าบ้านมือสอง จะช่วยให้คุณเลือกบ้านที่ใช่ ตรงกับความต้องการ มีคุณภาพดี และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อให้การอยู่อาศัยของคุณมีความสุขและราบรื่น หากคุณต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับบ้านมือสอง เราพร้อมให้คำแนะเพียงติดต่อมาหาเราที่ Chewa Renue

Messenger: m.me/CHEWA.RENUE

LINE : @Chewa.renue

หรือคลิก : https://lin.ee/SabzYng

รับรองความพึงพอใจ ทั้งในเรื่องคุณภาพบ้าน การบริการครบวงจร และการดูแลทุกขั้นตอน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แน่นอน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ซื้อบ้านมือสอง vs เช่าบ้านมือสอง ทางเลือกไหนตอบโจทย์ชีวิตเรา?

5 Checklists เรื่องที่ต้องถามเมื่อจะซื้อบ้านมือสอง